จำนวนเข้าชม 236 ครั้ง
วันที่ 19 มกราคม 2565
ป้ายดำ (อักษรสีดำ พื้นขาว)
สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลนั่งไม่เกิน 7 คน อย่างเช่นรถเก๋งทั่วไป, รถกระบะ 4 ประตู, รถอเนกประสงค์ SUV ที่มีเบาะนั่งได้ไม่เกิน 7 คน จะมีการคำนวณค่าภาษีประจำปีจากจำนวนความจุของกระบอกสูบ ตามอัตรานี้ครับ
ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ใหม่ Toyota Camry รุ่น 2.0 G มีความจุกระบอกสูบ 1,998 ซีซี จะมีการเรียกเก็บตามขั้นตามนี้
- 600 ซีซีแรก = 300 บาท (600 x 0.5 บาท)
- 601 - 1,800 ซีซีต่อมา (1800 - 600 = 1,200 ซีซี) = 1,800 บาท (1,200 x 1.50)
- 1801 - 1998 ซีซีต่อมา (1998 - 1800 = 198 ซีซี) = 792 บาท (198 x 4)
รวมทั้ง 3 ขั้น เป็น 600 + 1,800 + 792 = 3,192 บาท/ปี
โดยอัตรานี้เฉพาะผู้ที่ครอบครองเป็นแบบบุคคลธรรมดาเท่านั้น ส่วนรถที่ทำการจดทะเบียนเป็นแบบนิติบุคคลนั้น จะต้องเสียภาษีรถยนต์ประจำปี 2564 เป็น 2 เท่า
และเมื่อรถมีการใช้งานเกินกว่า 5 ปีขึ้นไป จะมีการเสียภาษีรถยนต์ลดลงตามสัดส่วนดังนี้
ถ้าคำนวณตามตัวอย่างข้างต้น ก็จะเสียดังนี้
- ปีที่ 6 ต่อภาษีรถยนต์เป็นเงิน 2,872.80 บาท
- ปีที่ 7 ต่อภาษีรถยนต์เป็นเงิน 2,553.60 บาท
- ปีที่ 8 ต่อภาษีรถยนต์เป็นเงิน 2,234.40 บาท
- ปีที่ 9 ต่อภาษีรถยนต์เป็นเงิน 1,915.20 บาท
- ปีที่ 10 และต่อไปจนยกเลิกการใช้ ต่อภาษีรถยนต์เป็นเงิน 1,596 บาท
ป้ายเขียว (อักษรสีเขียว พื้นขาว)
ในส่วนของรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็น รถกระบะตอนเดียว, รถกระบะแค็ป (ไม่รวม 4 ประตู เพราะถือว่าเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง) จะใช้วิธีการคำนวนค่าภาษีรถยนต์ประจำปีตามน้ำหนักของตัวรถ ดังนี้
โดยอัตรานี้จะถูกเรียกเก็บอัตราเดียวจนกว่าจะยกเลิกการใช้งาน โดยน้ำหนักของตัวรถนั้น สามารถดูได้จากสมุดเล่มทะเบียนรถ อย่างเช่น Isuzu D-Max Hilander 3.0 Ddi ZP มีน้ำหนักตัวรถ 1,855 กก. จะเสียค่าภาษีรถยนต์ปีละ 1,350 บาท
ป้ายฟ้า (อักษรสีฟ้า พื้นขาว)
สำหรับรถยนต์ประเภทนั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน เช่นรถตู้, รถ MPV 11 ที่นั่ง จะมีการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ประจำปีตามน้ำหนักของตัวรถเช่นกัน ดังนี้
โดยอัตรานี้จะถูกเรียกเก็บอัตราเดียวจนกว่าจะยกเลิกการใช้งาน โดยน้ำหนักของตัวรถนั้น สามารถดูได้จากสมุดเล่มทะเบียนรถเช่นกัน ตัวอย่างเช่น Toyota Commuter น้ำหนักตัวรถ 2,325 กก. จะเสียค่าต่อทะเบียนประจำปีรวม 1,900 บาท
รถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล จะได้รับการติดป้ายตามรูปแบบของตัวรถ อย่างเช่น Tesla Model 3 จะถูกจัดเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง แต่เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ในการคิดอัตราค่าต่อทะเบียนประจำปี เหมือนรถยนต์ทั่วไปได้ จึงให้มีการคำนวนภาษีรถยนต์ในรูปแบบตามน้ำหนักรถยนต์เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คนแทน
รถจักรยานยนต์
ในส่วนของรถจักรยานยนต์นั้น จะถูกเรียกเก็บค่าต่อทะเบียนประจำปีเป็นรายคัน จำนวน 100 บาท/ปี ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ Honda Scoopy i หรือ BMW R 1250 GS ก็จะเสียในอัตราเดียวกัน แต่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จะถูกเรียกเก็บเพียงครึ่งเดียวนั่นคือปีละ 50 บาท
ทั้งนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเป็นการคำนวณของรถยนต์, รถกระบะ, รถตู้ หรือรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในรูปแบบส่วนบุคคลเท่านั้น ส่วนรถรับจ้าง ที่มีการติดป้ายในสีอื่น ๆ นั้น จะถูกเรียกเก็บในอัตราที่แตกต่างกันไป